เรื่องน่ารู้ของการแชร์บน Social Network (บริการ Facebook Twitter Instagram และอื่นๆ)
ปกติพฤติกรรมที่เราใช้งานบน Social Network นั้น เรามักจะอัพเดตข้อความ รูปภาพ, วิดีโอ บน Facebook, Twitter, Instagram ซึ่งปกติแล้วบน Social Network จะมีตัวเลือกให้เรากำหนดค่าตอนที่แชร์ (คำนี้รวมไปถึง การโพสต์บนสถานะ ทวิต พิมพ์ข้อความ อัพโหลดภาพ วิดีโอ บทความนี้ขอยกตัวอย่างหลักๆคือ Facebook บนคอมพิวเตอร์ (ใช้งานผ่าน เว็บบราวเซอร์) โดยเราสามารถแบ่งการแชร์ออกเป็น 3 รูปแบบใหญ่ๆคือ
- Viral Marketing คืออะไร ? รู้จักการตลาดแบบปากต่อปาก ชนิดไฟลามทุ่ง กัน
- Cyberbullying คืออะไร ? รู้ได้ไงว่ากำลังโดนกลั่นแกล้งอยู่ ? พร้อมวิธีรับมือ
- อาชีพ Influencer ดีจริงหรือไม่ ? ดู 7 ปัจจัยหลักที่ควรคำนึงก่อนเป็น
- Reels กับ Stories คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร ? มีตารางเปรียบเทียบ
- Comment Marketing คืออะไร ? รู้จักการตลาดแบบปลิง และสิ่งที่ควร-ไม่ควรทำ
- แบบสาธารณะ (Public) วงกว้าง ไม่ต้องเป็นเพื่อนกัน ก็สามารถดูได้ เปิดสาธารณะ
- แบบเพื่อน (Friend) จำกัดสิทธิการมองเห็น วงแคบ ต้องมีการ Add Friends เป็นเพื่อนกันก่อน จึงจะเห็นรูปภาพ ข้อความ วิดีโอ และภาพถ่าย
- แบบส่วนตัว (Direct Message, Private) คำว่าส่วนตัวนี้ หมายรวมถึง การกำหนดให้เพื่อนบางคนเห็น บางคนไม่เห็น หรือกำหนดให้เพื่อนในกลุ่มที่เป็นแก๊งค์เพื่อนสนิทเห็น คนอื่นไม่เห็น หรือแม้แต่ ส่งข้อความส่วนตัว บน Facebook (Messenger), Twitter (DM หรือ Direct Message), Instagram (Direct) ส่วน LINE นั้นก็มีการตั้งห้อง (Group) เพื่อการมองเห็น และมีการกำหนดการแชร์บน Timelime เป็น Friends (คล้าย Facebook Wall Timeline หรือ Twitter Timeline)
Facebook จะมีการตั้งค่าเริ่มต้นสำหรับการโพสต์ (อัพเดตสถานะ) บน Facebook Wall 3 รูปแบบคือ Public, Friends, Only Me และมีตัวเลือก กำหนดให้แชร์ให้กับเพื่อนเฉพาะคน และกำหนดให้เฉพาะบางคน ไม่สามารถเห็นการแชร์นี้ได้
ตัวอย่าง
หากคุณไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน แล้วแชร์ภาพแบบ Public ทุกคนจะเห็นภาพของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือไม่เป็นเพื่อนบน Facebook (ถ้าคนที่ไม่ใช่เพื่อนบน Facebook อยากเข้ามาดู หรือเรียกว่าส่องเฟส แค่เข้าไปในหน้า Profile Facebook ของเรา ก็จะเห็นเฉพาะ ภาพ ที่กำหนดแชร์แบบสาธารณะเท่านั้น จะไม่เห็นภาพที่แชร์แบบ Friends Only หรือหากคนนั้น เป็นคนที่เราไม่ต้องการให้เห็น ก็จะไม่เห็นโพสต์) ซึ่งเราสามารถกำหนดให้เห็นเฉพาะ Friends (และบางคน) เท่านั้น
ในขณะที่ การกำหนดการแชร์ สามารถขยายวง Friends of Friends หมายถึง คนที่เป็นเพื่อน ของเพื่อนเราก็เห็น เช่น เราไปเที่ยว แท็กชื่อเพื่อน เพื่อนของเพื่อนที่เราแท็ก ก็จะเห็นภาพนั้นๆด้วย
โพสต์เสร็จแล้วจะเห็นข้อความนี้
เราทดสอบ โดยการสร้างบัญชี Facebook ขึ้นมาทดสอบ 1 บัญชี แล้วลองแชร์แบบ เฉพาะเพื่อน
จากนั้นลองใช้บัญชีหลัก เข้าไปดู โดยที่ไม่ได้เป็น Friend กันบน Facebook พบว่าการส่องเฟส ไม่สามารถเห็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ สถานะที่เป็น Friend Only ได้ จะเห็นเฉพาะ การเปลี่ยนโปรไฟล์, การแชร์แบบสาธารณะเท่านั้น
นอกจากนี้ เรายังตั้งค่า ในส่วนของ Setting หัวข้อ Privacy Settings and Tools สังเกตว่าเราสามารถระบุและกำหนดได้ว่า ใครสามารถเห็นโพสต์ของเราบน Facebook ถ้ากำหนด Friend Only ครั้งต่อไปเมื่อเราแชร์ สถานะของเราจะขึ้นค่า default เป็น Friend Only (เลือกเปลี่ยนเองได้)
Who can see your future posts? (ใครสามารถเห็นโพสต์ถัดไปของคุณได้บ้าง) ปกติเราจะกำหนดค่าเริ่มต้นเอาไว้ว่า ทุกครั้งที่อัพสถานะ จะให้เลือกเป็น Public หรือ Friend หรือบางคนแค่อยากบ่น แต่ไม่อยากให้ใครเห็นเลย ก็เลือก Only Me ซึ่งการตั้งค่าที่ตรงนี้จะเป็นการตั้งค่าเริ่มต้น เพื่อช่วยให้ไม่ต้องมาเลือกค่าที่ต้องการทุกครั้ง
การแท็กชื่อ แท็กรูป
ตรงนี้ถือเป็น Privacy หรือความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน อยู่ๆ เราคงไม่อยากให้เพื่อนแท็กหน้าเราตอนหน้าโทรม หน้าเหนื่อย ใช่ไหม เรากำหนดได้
การที่คนอื่นแท็กชื่อเรา ก็ถือเป็น privacy เช่นกัน เช่น ไปเที่ยวกันหลายคน แต่รูปเราไม่สวย ก็ไม่อยากให้ใครแท็กหน้าเรา ไม่อยากให้มาอยู่บนหน้า Feed Wall Timeline ของเรา และเพื่อนคนอื่นๆ ก็กำหนดได้ว่าจะให้เราต้องตรวจสอบการแท็กก่อน แล้วจะอนุญาตให้ใครแท็กสถานะหรือโพสต์ไหน ก็เลือก Add Timeline ได้เอง
กรณีหากเพื่อนแท็กชื่อเรามา แล้วเราไม่อยากให้แสดงบน Timeline ของเราก็กำหนด ให้เราต้องกด Add Timeline ก่อน ภาพหรือสถานะที่แท็กมาจะแสดงบน Timeline ของเราได้
ส่วน Twitter ก็จะมีการตั้งค่า Privacy เรียกว่า Protect Tweets
Twitter ก็สามารถแท็กรูปได้เช่นกัน ว่ามีใครอยู่ในรูปบ้าง กำหนดจะให้เพื่อนแท็กชื่อในรูปเราได้ไหม ส่วนการแท็กชื่อก็จะเป็นพิมพ์ Mention หรือระบุชื่อ Twitter คนๆนั้นได้เลย
ส่วน Protect Tweets อย่างที่บอกไปก็คือ การกำหนดไม่ให้คนที่เราไม่ยินยอมให้ Follow เป็น friends แล้วเห็น บางทวิตเราอาจจะจำกัดคนให้อ่านในบางกลุ่ม ที่เรากำหนด การกดรับหรือ Add เป็นเพื่อน เพื่อนที่เห็น Protect Tweets คือไม่ใช่ public แต่ต้องได้รับการอนุญาตกดให้เห็นข้อความด้วย หากใครเล่น Twitter น่าจะเข้าใจศัพท์ต่างๆ ที่ผู้เขียนพูดถึงในบทความนี้
Discoverability ตรงนี้เราสามารถกำหนดได้ ว่าจะให้คนอื่นๆค้นหาเราจาก E-Mail หรือเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับ Twitter ของเราได้หรือไม่ รวมไปถึงกำหนดค่า Location ว่าจะให้ใส่ Location ในทวิตหรือไม่ ตรงนี้คือเรื่องความปลอดภัยในการค้นหาตัวเรา ในการแชร์ต่างๆ อันตรายเหมือนกันถ้าคนติดตามแล้วรู้ว่าเราอยู่ตรงไหน
ในขณะที่การ DM (Direct Message) เราสามารถกำหนดว่ารับข้อความ Direct Message จากใครก็ได้ (ก่อนหน้านี้ เราจะส่งข้อความ Direct Message หาได้เฉพาะคนที่ Follow เราเท่านั้น ซึ่งทำให้การคุยผ่าน Twitter DM นั้นจำเป็นจะต้อง Mention หาคนที่เราจะคุยว่าช่วย Follow เราหน่อย เพื่อคุยผ่าน DM หากคุยเสร็จแล้ว จะ Unfollow ก็แล้วแต่
มาต่อกันที่ Instagram กันบ้าง Private Account กำหนดให้เฉพาะเพื่อนที่เรายินยอม สามารถดูภาพ วิดีโอ ของเราได้ ถ้าตั้งค่าตรง Setting เป็น Private Account ภาพของเราจะไม่ Public แต่เพื่อนที่เรายินยอมให้เห็น ถึงจะมีสิทธิดูได้
นอกจากนี้ เรายังสามารถกำหนดการแชร์แบบ Direct ส่งตรงถึงบุคคลต่างๆที่เป็นเพื่อนเรา Follow กันบน Instagram ได้ และแท็กภาพเพื่อน Photo of You ได้ (ก็ Instagram เป็นของ Facebook นานแล้วนี่ ดังนั้นหลายๆคุณสมบัติก็เอามาจาก Facebook นั่นแหล่ะ)
ส่วน LINE นั้น ตอนที่เราแชร์บน Timeline จะมีหน้าจอแสดงให้เราทราบว่า การแชร์บน Timeline จะแจ้ง Notification ไปให้เพื่อนเราเห็นนะ ว่าเราแชร์บน Timeline ยินยอมหรือไม่
และนี่ก็เป็น ข้อมูลเบื้องต้นที่เราควรรู้ไว้ในการแชร์ คำแนะนำในการกำหนดขอบเขตวงกว้างของการแชร์ เพื่อให้ตนเอง (ผู้ใช้งาน Social Network) ปลอดภัย บางคนมองว่าเล่น Social Network ไม่ปลอดภัย แต่ถ้าเรากำหนดการแชร์ การเข้าถึง การมองเห็นเนื้อหาที่เราแชร์ก็ควบคุมเนื้อหาของเราได้ Timeline เป็นของเรา อย่าให้ใครแท็กมาโดยไม่ได้รับอนุญาต บางคนอาจจะถือเรื่องส่วนตัว แต่อย่าลืมว่าโลก Online ไม่มีอะไรส่วนตัว ดีที่สุดคือไม่โพสต์อะไรเลย ตรงนี้หากรักจะโพสต์ ก็จะต้องรู้เรื่องการแชร์ และกำหนดสิทธิการเข้าถึงให้เหมาะสมครับ จำไว้ว่า ถ้าเราโพสต์อะไรบน Social Network เราไม่มีสิทธิห้ามใครวิจารณ์ได้ แต่เรามีสิทธิกำหนดการแชร์ได้ ส่วนเพื่อนที่เรากดรับนั้น ต้องกลั่นกรองว่าเป็นเพื่อนจริงๆ ไม่ใช่ใครปลอมตัวมา บทความในซีรีส์นี้มีอีกหลายบทความ รอติดตามกันครับ