อาชีพ Influencer ดีจริงหรือไม่ ? ดู 7 ปัจจัยหลักที่ควรคำนึงก่อนเป็น

อาชีพ Influencer ดีจริงหรือไม่ ? (Is influencing a good career choice?)

สำหรับอาชีพ อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) นั้นเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะมีคนจำนวนไม่น้อยมองว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่สามารถหาเงินได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพียงแค่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดี หรือเป็นคนที่มีผู้คนรู้จักเยอะก็สามารถเลือกอาชีพ Influencer มาเป็นอาชีพหลักในการดำรงชีพได้แล้ว

อาชีพ Influencer ดีจริงหรือไม่ ? (Is influencing a good career choice ?)

สำหรับ ผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Influencer) มีนิยามว่าผู้สามารถสร้างอิทธิพลบน โซเชียลมีเดีย (Social Media) ต่อการตัดสินใจต่อผู้อื่นในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการผ่านการสร้างคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เส้นทางการเป็น Influencer เป็นหนึ่งในเส้นทางอาชีพที่ผู้คนจำนวนมากอยากจะทำ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ในยุคนี้

มีผลสำรวจจาก Morning Consult พบว่ามีถึงร้อยละ 54 ของกลุ่มคนในช่วงอายุ 13 ถึง 38 บอกว่าพวกเขาอยากจะเป็น Influencer และผลสำรวจจาก Higher Visibility ได้เผยว่ามีถึงร้อยละ 16 ของคนรุ่นใหม่ได้บอกว่ายอมที่จะเสียเงินลงทุนเพื่อให้ได้เป็น Influencer ยิ่งการตลาดแบบ Influencer Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกันยิ่งเพิ่มพูนความนิยมของอาชีพ Influencer เหตุผลที่สำคัญของความนิยมก็คือภาพสวยหรูแบบฉาบฉวยที่คุณอาจจะเห็นเพียงผ่านหน้าจอ แต่เบื้องหลังของอาชีพ Influencer ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องเผชิญ ซึ่งหากใครอยากเป็น Influencer ก็ควรจะพิจารณาในหลายปัจจัยดังต่อไปนี้ในการตัดสินใจว่าว่าอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเองหรือไม่

ข้อมูลเพิ่มเติม : Influencer คืออะไร ? มีกี่ประเภท ? Nano / Micro / Macro Influencer คืออะไร ?

1. ความถนัดเฉพาะตัว (Niche Expertise)

ก้าวแรกในการเป็น Influencer คือต้องเลือกว่าความถนัดหรือความแตกต่างของคุณคืออะไรที่จะสามารถดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาให้ความสนใจกับตัวคุณได้ ซึ่งความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของคุณเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากในการประสบความสำเร็จในเส้นทาง Influencer เพราะยิ่งความถนัดของคุณมีความพิเศษโดดเด่นหรือแตกต่างกว่าคนอื่นมากแค่ไหน โดยเฉพาะยิ่งหากเลือกทำคอนเทนต์เฉพาะด้านที่ไม่เคยมีใครเป็นมาก่อนจะส่งเสริมต่อความสามารถในการแข่งขันของคุณเนื่องจากอาชีพนี้เป็นอาชีพที่การแข่งขันสูง ยิ่งหากคุณสามารถสร้างจุดขายของคุณให้แตกต่างและโดดเด่นได้มากเพียงใด ยิ่งทำให้โอกาสประสบความสำเร็จของคุณมากขึ้นเท่านั้น 

ตัวอย่าง Influencer ที่ประสบความสำเร็จ (Examples of a Successful Influencer)

Mark Rober วิศวกรหนุ่มและ Youtuber ชื่อดังชาวอเมริกาที่สามารถก้าวมาเป็น Influencer ชื่อดังที่มียอดผู้กดติดตาม (Subscriber) ใน YouTube มากกว่า 26 ล้านคน โดยเขาสามารถสร้างชื่อเสียงได้จากการสร้างวีดิโอวิทยาศาสตร์ที่ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจง่าย อีกทั้งเขายังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านอารมณ์ขันและการตัดต่อ Visual Effect ในวิดีโอของเขา

ช่อง Youtube ของ Mark Rober 

2. ความสามารถในการ สร้างผู้ติดตาม และสร้างการมีส่วนร่วม (Ability to Generate Engagement and Followers)

คุณต้องสามารถสามารถสร้างยอดผู้ติดตาม (Follower) ในขณะที่รักษาการมีส่วนร่วมของผู้ติดตาม (Engagement) ได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งหากผู้ติดตามของคุณเป็นผู้ติดตามที่มีความเชื่อมั่นในตัวเรา (Loyalty) ยิ่งทำให้ส่งผลดีต่อตัวเรามากขึ้น เพราะสิ่งนี้จะจะเป็นอีกเครื่องยันยืนคุณมีความสามารถสร้างยอดขายหรือสร้างรับรู้ให้กับแบรนด์ในกลุ่มคนจำนวนไม่น้อย อีกทั้งยอดผู้ติดตามและยอดการมีส่วมร่วมยังสามารถเสริมภาพลักษณ์ให้คุณดูมีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถืออีกด้วย การมีส่วนร่วมของผู้ชมกับผู้ติดตามจึงเป็นหน่วยวัดสำคัญในการกำหนดรายได้ของอาชีพ Influencer 

3. โอกาสสร้างรายได้ (Monetization Opportunity)

ในชีวิตจริงมีผู้คนมากมายประสบความสำเร็จและสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากอาชีพนี้แต่ก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่ล้มเหลวกับการเป็น Influencer ยิ่ง Influencer ที่ประสบความแล้วเปรียบเทียบกับ Influencer ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จมีช่องว่างทางด้านรายได้ที่เหลื่อมล้ำกันอย่างมาก มีผลการสำรวจจาก Influencer Marketing Hub พบว่ามีเพียงร้อยละ 1 ของ Influencer ที่มีชื่อเสียงที่ครอบครองเม็ดเงินในส่วนแบ่งทางการทางการตลาดของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งหมายความว่าเหล่า Influencer อีกร้อยละ 99 ที่ต้องไปแย่งชิงเม็ดเงินที่เหลือเพียงร้อยละ 20 ของจำนวนเงินทั้งหมดในอุตสาหกรรม ทำให้หลายคนที่ไม่มีความพร้อมด้นการเงินจำเป็นต้องล้มเลิกความฝันในการเป็น Influencer ไปเสียก่อน

4. ความมั่นคงในระยะยาว (Long-term Sustainability)

นอกจากต้องรักษามาตรฐานในคุณภาพของผลงานที่ผลิตออกมา ยิ่งกระแสในโลกออนไลน์ผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมากในการที่จะสามารถตามเทรนด์ได้ทันทุกกระแส และยังต้องต่อสู้กับเหล่าอัลกอริธึมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาซึ่งเป็นเครื่องมือในการตัดสินว่าผลงานของ Influencer จะถูกมองเห็นมากน้อยเพียงใด 

การเข้ามาแทนที่ของ AI Influencer

ยิ่งไปกว่านั้นเหล่า Influencer ยังต้องเผชิญความท้าทายของ AI Influencer ที่นำเอา เทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ ถือว่ามีข้อได้เปรียบในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า สามารถควบคุมได้อย่างอิสระ หรือสามารถการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ๆ ให้แบรนด์ อย่างแบรนด์ชื่อดัง AIS ที่เลือก “ไอรีน” Virtual Influencer เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ (Brand Ambassador) หรือฑูตของแบรนด์ เพื่อภาพลักษณ์แบรนด์ของโลกยุคใหม่ตอบรับเทรนด์ โลกเสมือน (Metaverse) ให้แก่แบรนด์

จึงถือได้ว่าตลาดการแข่งขันของอาชีพ Influencer มีการแข่งขันที่ร้อนแรงเป็นอย่างมากเพราะนอกจากต้องแข่งกับคนจำนวนมากที่ต้องการจะทำอาชีพนี้ยังต้องแข่งขันกับเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาทดแทนได้อยู่เสมอ

Instagram : ai_ailynn

ไอรีนในฐานะ Brand Ambassador ของ AIS

5. ความสมดุล ระหว่างชีวิต และการทำงาน (Work Life Balance)

อาชีพ Influencer เป็นอาชีพที่มีอิสระในการทำงานสูง แต่ไม่มีตารางงานที่แน่นอน อีกทั้งยังต้องยอมเสียพื้นที่ส่วนตัว ทำให้เป็นเรื่องยากในการหาเส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว เนื่องจาก Influencer จำเป็นต้องเชื่อมโยงกับโลกออนไลน์แทบจะตลอดเวลาเพื่อตามเทรนด์ต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ให้ทัน และต้องคอยเตรียมพร้อมกับเสียงการแจ้งเตือนที่มาจากแบรนด์หรือผู้ติดตามที่สามารถติดต่อพวกเขาผ่านแพลตฟอร์มโลกออนไลน์ตลอดทั้งวัน สิ่งนี้จึงสร้างแรงกดดันให้เหล่า Influencer ว่าต้องออนไลน์ในโลกโซเชียลหรือต้องคอยสรรหาสร้างคอนเทนต์อัพเดทตลอดเวลาจนทำให้รู้สึกว่าพวกเขาต้องทำงานตลอดทั้งวัน

6. ปัญหาทางด้านสุขภาพจิต (Mental Issue)

การเป็น Influencer ยากที่จะเลี่ยงหลีกความเห็นในด้านลบ หรือเจอคนไม่หวังดีมาก่อกวนในพื้นที่ส่วนตัว ยิ่งการเปิดพื้นที่โลกออนไลน์เป็นพื้นที่สาธารณะยิ่งทำให้คนไม่หวังดีเข้ามาก่อกวนได้ง่ายดายขึ้น นอกจากนี้ยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นเท่าใดโอกาสที่จะต้องเจอกับความคิดเห็นในเชิงลบยิ่งมากขึ้นเท่านั้น วิกฤตการณ์ทางด้านอารมณ์จึงเป็นอุปสรรคที่เหล่า Influencer หลายคนต้องประสบ จนท้ายที่สุดอาจจะเกิดผลกระทบทางด้านสุขภาพจิตและทำให้หมดไฟในการทำงานได้อีกด้วย เรามักจะได้ยินอาชีพ Influencer มักตกเป็นเหยื่อของการ Cyberbullying หรือการ Harassment โดยผลการสำรวจจาก HypeAuditor พบว่ามีถึงร้อยละ 82 ของ Influencer พบว่าพวกเขาเคยเผชิญกับการกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ (Cyberbullying) หรือการ การล่วงละเมิด (Harassment) และอีกร้อยละ 65 บอกว่ามีปัญหาทางสุขภาพจิตหลังมาเป็น Influencer

7. ประเด็นด้านกฎหมายรับรอง (Legal Issue)

นอกจากนี้ในอุตสาหกรรมนี้ยังขาดมาตรฐาน หรือกฏหมายที่รับรองที่ชัดเจน โดยเฉพาะสิทธิขั้นพื้นฐานและสวัสดิการในฐานะแรงงานเมื่อเทียบกับอาชีพอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ เงินบำนาญ หรือค่าทำงานล่วงเวลา เราจะสามารถเห็นประเด็นปัญหาในเรื่องเรื่องค่าจ้างเนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะตีค่าความคิดสร้างสรรค์ออกมาเป็นตัวเงิน จึงเกิดเหตุการณ์นับซ้ำไม่ถ้วนกับเหตุการณ์ที่ค่าจ้างไม่สอดคล้องกับผลงานของเหล่า Influencer ตัวอย่างปัญหาเรื่องของสวัสดิการก็คือเช่นเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาดโควิด-19 ในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ที่สร้างผลกระทบต่ออาชีพ Influencer มากกว่าอาชีพอื่น เพราะทำให้หลาย ๆ แบรนด์ตัดสินใจตัดงบการจ้าง Influencer เหล่า Influencer สูญเสียรายได้มหาศาลและสวัสดิการในอาชีพมารับรอง ทำให้ผู้คนจำนวนมากตัดสินใจเลิกทำอาชีพ Influencer เนื่องจากไม่สามารถสร้างรายได้ดำรงชีวิตในช่วงการแพร่ระบาดของโรค ในขณะที่หลาย ๆ อาชีพยังมีความช่วยเหลือและสวัสดิการพื้นฐานจากบริษัทของตนให้แก่พนักงาน

---

หากใครเชื่อมั่นในตนเองว่าสามารถผ่านความท้าทายที่กล่าวไปในข้างต้นอาชีพ Influencer ก็ถือเป็นอาชีพที่น่าสนใจสำหรับคุณเป็นอย่างมาก เพราะอาชีพนี้ทั้งมีความน่าตื่นเต้น ท้าทาย และสามารถทำเงินมหาศาลได้ในอนาคต อาชีพ Influencer จึงเปรียบเสมือนด้านสองคมที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่คุณอาจคาดไม่ถึง ถ้าใครอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรม Influencer นี้ก็ควรชั่งน้ำหนักว่าตนเองมีความเหมาะสมกับอาชีพนี้มากน้อยเพียงใดผ่านปัจจัยที่กล่าวในข้างต้นเสียก่อน