วิธีแก้ปัญหาเว็บไซต์อันดับตก หรือ SEO ตกจากหน้าแสดงผลการค้นหา
วิธีการสำรวจและแก้ปัญหาเว็บไซต์ Rank Drop
ปัญหายอดฮิตที่คนทำเว็บไซต์แทบทุกคนต้องเคยเจอก็คงหนีไม่พ้นปัญหา "อันดับตก (Rank Drop)" หรือลำดับหน้าเว็บไซต์ที่ควรจะอยู่อันดับบน ๆ ของ หน้า SERP (Search Engine Result Page) กลับร่วงตกลงมาจากอันดับเดิมอย่างน่าใจหาย
- URL Shortener คืออะไร ? การย่อความยาวของ URL มีประโยชน์อย่างไร ?
- Digital Marketing คืออะไร ? ทำไมถึงต้องทำ ? มีกี่ประเภท ? พร้อมแนวทาง
- Landing Page คืออะไร ? และหน้าหน้าแลนดิ้งเพจ ที่ดีควรมีอะไรบ้าง ?
- เคล็ดลับ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็นธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) ทำการตลาด
- SEM คืออะไร ? ต่างจาก SEO อย่างไรบ้าง ? แล้วควรเลือกทำ SEM หรือ SEO ดีนะ ?
ซึ่งเมื่อเผชิญกับปัญหานี้หลาย ๆ คนก็คงจะมองหาวิธีการแก้ไขและดันอันดับเว็บไซต์ของเราให้กลับมาที่จุดเดิม (หรือสูงกว่าเดิม) บนหน้า SERP กันอย่างแน่นอน วันนี้เราเลยจะมาแนะนำวิธีการสำรวจและแก้ปัญหา Rank Drop แบบพื้นฐานกัน
ภาพจาก : https://www.webarxsecurity.com/wp-content/uploads/2020/10/Traffic-Drop-in-Google-Analytics-Due-to-Hacking-1024x538-2.png
1. ตรวจสอบอันดับ ของเว็บไซต์ปัจจุบันก่อน
(Check the current website ranking)
สิ่งที่ควรทำอันดับแรก ๆ เมื่อพบว่าอันดับของเว็บไซต์ (Website Ranking) เราตกลงไปจากอันดับเดิมก็ได้แก่การ “ตรวจสอบ” ว่ายอดของเว็บไซต์ของเรานั้น “ลดลง” จากเดิมจริง ๆ หรือไม่ เพราะบางครั้งอันดับที่ร่วงลงมาอาจไม่ได้เป็นเพราะเว็บไซต์ของเราได้รับความนิยมต่ำลง แต่เว็บไซต์อื่น ๆ มียอดเพิ่มสูงแซงหน้าเราไปต่างหาก โดยเราสามารถนำเอาข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์มารายสัปดาห์มาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังแรงก์ตกได้ หรือใช้เครื่องมือตัวช่วยในการจัดอันดับอย่าง Rank Tracker Tools ช่วยวิเคราะห์ก็ได้เช่นกัน
ภาพจาก : https://serpstat.com/blog/why-did-your-website-suddenly-lose-rankings-and-how-to-fix-it/
2. วิเคราะห์หาสาเหตุ ที่อันดับของเว็บไซต์ตก
(Analyze why website ranking is dropped ?)
หากตรวจเช็คแล้วพบว่าอันดับของเว็บไซต์เราตกลงจริง ก็ควรวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาว่าการที่อันดับตกลงนั้นเกิดจากอะไรกันแน่ โดยอาจมาจากหลายสาเหตุ ดังนี้
มีการเปลี่ยนแปลงภายในเว็บไซต์
สิ่งแรก ๆ ที่ส่งผลให้อันดับของเว็บไซต์มีกาารเปลี่ยนแปลงไปก็ได้แก่ “การปรับปรุงระบบและเปลี่ยนแปลงข้อมูลบนเว็บไซต์” เช่น การเปลี่ยน URL (Uniform Resource Locator) , ปรับ UX (User Experience) / UI (User Interface) เว็บไซต์, ลิงก์เสีย (ลิงก์ถูกลบ, Redirect ผิดพลาด) หรือมี บัค (Bug) ในระบบ เป็นต้น โดยการเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์นี้ต้องพิจารณาทั้งภายในเว็บไซต์ของเราและเว็บไซต์คู่แข่งควบคู่กันไปด้วย
ภาพจาก : https://www.webfx.com/blog/seo/seo-rankings-drop/
Search Engine มีการอัปเดตระบบ
โดยปกติแล้ว เครื่องมือค้นหา (Search Engine) จะมีการอัปเดตระบบและอัลกอริทึมอยู่เป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันปัญหาเว็บไซต์ติดลมบน จึงทำให้อันดับของเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงแทบจะตลอดเวลา
แต่หากสังเกตเห็นว่าอันดับเว็บไซต์ของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดก็อาจมีโอกาสที่ทาง Search Engine จะอัปเดตความปลอดภัยและกฎการใช้งาน และเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของเราบังเอิญมีเนื้อหาที่ละเมิดต่อข้อกำหนดในการใช้งานนั้น ๆ จนส่งผลให้ถูกแบน, ติดการขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) และไม่ดึงเว็บไซต์ของเรามาแสดงผลบนหน้า SERP (หรือเว็บไซต์ Search Engine อาจมีข้อผิดพลาด หรือบัค ภายในระบบจนทำให้มีการจัดอันดับผิดพลาดก็ได้เช่นกัน)
ภาพจาก : https://s3.amazonaws.com/images.seroundtable.com/google-spam-update-november-1635982516.gif
Manual Actions
อีกสาเหตุที่ทำให้อันดับของเว็บไซต์ตกลงจากเดิมอาจเป็นเพราะทาง Search Engine เห็นว่าเว็บไซต์ของเรานั้นมีคะแนน Quality Score ต่ำจากเดิมจึงลดอันดับเว็บไซต์ของเราลง ซึ่งอาจเป็นเพราะตรวจเจอลิงก์สแปม (Spam) ที่อาจมาจากฝั่งเว็บไซต์หรือผู้เข้าชมคอมเมนท์ลิงก์สแปมก็ได้ โดยเราจะสามารถเช็คการติด Manual Actions ได้ใน “แท็บ Securities and Manual Actions”
ภาพจาก : https://serpstat.com/blog/why-did-your-website-suddenly-lose-rankings-and-how-to-fix-it/
3. ดำเนินการแก้ไขปัญหาเว็บไซต์อันดับตก
(Solve the website ranking dropped problems)
หลังพบสาเหตุที่ทำให้อันดับเว็บไซต์ของเราตกก็สามารถดำเนินการแก้ไขได้แล้ว โดยหากเป็นปัญหาจากตัวเว็บไซต์ของเรา เช่น ลิงก์เสีย, ถูกแบนจาก Search Engine, ติด Manual Actions หรือมี Bug ในระบบก็ควรเร่งดำเนินการแก้ไขในทันที แต่หากเป็นสาเหตุอื่นอย่างการปรับปรุงระบบเว็บไซต์ หรือการอัปเดตอัลกอริทึมของ Search Engine อาจรอติดตามผลต่อไปสักระยะ (ราว 2 สัปดาห์ขึ้นไป) หลังจากอันดับของเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลง หากยังไม่ดีขึ้นอาจต้องพิจารณาปรับปรุงเว็บไซต์ของเราใหม่
ภาพจาก : https://www.webarxsecurity.com/wp-content/uploads/2020/10/sej82-1.jpg
4. ติดตามผลการแก้ไขปัญหาเว็บไซต์
(Monitor the website ranking results)
เมื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเป็นที่เรียบร้อยก็ควรที่จะ ติดตามผลการปรับปรุงเว็บไซต์ของเรา อยู่เป็นประจำ รวมไปถึงคอยสังเกตการณ์เว็บไซต์คู่แข่งของเรา และติดตามข่าวสารการอัปเดตระบบที่สำคัญของ Search Engine ควบคู่กันไปเพื่อรักษาอันดับเว็บไซต์ของเราให้คงที่อยู่เสมอ
และนอกจากนี้แล้ว ทางที่ดีก็ควรมองหาวิธีการใหม่ ๆ ในการดันอันดับเว็บไซต์ของเราให้สูงขึ้นจากเดิม โดยอาจเลือกใช้งาน Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้น ๆ เป็นหลัก และพิจารณาจากเกณฑ์การวัดระดับคะแนน Quality Score ของ Search Engine ต่าง ๆ หรือทำ SEM (Search Engine Marketing) ควบคู่ไปกับ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่นิยมมากขึ้นก็ได้เช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม : SEM คืออะไร ? ต่างจาก SEO อย่างไรบ้าง ? แล้วควรเลือกทำ SEM หรือ SEO ดีนะ ?