วิธีการลงโฆษณาโปรโมทแบรนด์ หรือสินค้าบน TikTok ด้วย TikTok Business Manager
วิธีการลงโฆษณาโปรโมทแบรนด์ หรือสินค้าบน TikTok
แพลตฟอร์ม TikTok (ติ๊กต็อก) กลายเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันยอดฮิตที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ใช้หลาย ๆ คนไปเป็นที่เรียบร้อย และจากการที่กระแสการใช้งาน TikTok เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ นั้นก็ทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งแพลทฟอร์มสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์สินค้าและบริการต่าง ๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น (โดยเฉพาะกับแบรนด์ที่จับกลุ่มตลาดวัยรุ่นและวัยทำงาน)
- Comment Marketing คืออะไร ? รู้จักการตลาดแบบปลิง และสิ่งที่ควร-ไม่ควรทำ
- TikTok สนับสนุน #Pridemonth ด้วยการเฉลิมฉลอง #PrideParade และแคมเปญสุดครีเอทีฟ
- TikTok กำลังทดสอบ Chatbot AI ใช้ชื่อว่า Tako เพื่อค้นหาคลิปที่โดนใจผู้ใช้มากขึ้น
- โพสต์เนื้อหา ใส่เพลง อย่างไรไม่ละเมิดลิขสิทธิ์บน TikTok เหล่าครีเอเตอร์ควรรู้ เอาไว้นะ
- 7 ผลเสียต่อสุขภาพจิต จากการใช้งาน Social Media เป็นประจำ
ภาพจาก : https://socialpubli.com/blog/tiktok-influencers/
ซึ่งสำหรับแบรนด์ไหนที่เป็นมือใหม่ในวงการและอยากเริ่มทำการตลาดบน TikTok ก็อาจจะงง ๆ กับการลงโฆษณาและการใช้งาน TikTok กันอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเราจึงจะมาแนะนำวิธีการใช้งาน TikTok Business Manager เพื่อลงโฆษณาโปรโมทแบรนด์กัน
วิธีการใช้งาน TikTok Business Manager
(How to use TikTok Business Manager ?)
1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TikTok
ขั้นตอนแรก ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TikTok และหลังจากนั้นให้ กดสร้างบัญชี (Account) โดยแตะที่ "ปุ่ม Sign Up (ปุ่มลงทะเบียน)" แล้วกรอกข้อมูลเพื่อสร้างบัญชีได้เลย
หรือหากใครมีบัญชี TikTok ไว้ใช้งานส่วนตัวอยู่แล้วก็ให้ไปที่เมนูเพิ่มเติม (...) ด้านขวาบนของแอปพลิเคชันแล้วเข้าไปภายใน "หน้า Me" จากนั้นกด "Manage Account" แล้วไปที่ "Switch to Business Account" เลือกหมวดหมู่ (Category) แล้วกดแก้ไขข้อมูล Business Account
2. สร้างแคมเปญโฆษณา
การสร้างแคมเปญโฆษณา สามารถทำได้โดยเข้าไปที่ "TikTok Ads Manager" จากนั้นกด "ปุ่ม Create New" แล้วเลือกรูปแบบของโฆษณาที่ต้องการสร้าง
ภาพจาก : https://storage.googleapis.com/arabclicks-morexa.appspot.com/2020/08/7-2.png
- Awareness : การโฆษณาโปรโมทแบรนด์ สร้าง Awareness ให้ผู้พบเห็นรู้จักแบรนด์ของเรามากยิ่งขึ้น เพิ่มยอด Reach และการแสดงผลโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย (สามารถตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้แสดงผลโฆษณาได้)
- Consideration : การโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดการติดตาม (Follow) ช่วยเพิ่มยอด Engagement ให้กับคลิปและเว็บไซต์ของเรา
- Conversion การแสดงผลโฆษณาที่กระตุ้นให้ผู้พบเห็นตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า (หรือกดดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน) เพิ่มมากขึ้น
3. ติดตั้งติ๊กต็อกพิกเซล (TikTok Pixel)
ในส่วนนี้เรามีเอาไว้เพื่อเช็คตรวจสอบ ยอดการโฆษณา และวิเคราะห์ผลการโฆษณา โดยไปที่ "เมนู Library" แล้วเข้าไปยัง "Event" จากนั้นกดที่ "ปุ่ม Manage" ใน "กรอบ Website Pixel" เลือก "Create Pixel"
และหลังจากนั้นให้ตั้งชื่อพิกเซล (Pixel Name) แล้วเลือก "Manually Install Pixel Code" (ใน "ช่อง Install Type") และคลิกที่ "Developer Mode" จากนั้นกด "ปุ่ม Confirm" จะเห็นได้ว่ามีรหัส (ID Code) ของ Pixel ที่เราสร้างปรากฏขึ้นมา (สามารถคัดลอกเพื่อไปใช้งานได้เลย)
ภาพจาก : https://www.tiktokforbusinesseurope.com/resources/install-tiktok-pixel
4. สร้างโฆษณาแบบกลุ่ม และขยายฐานการโฆษณา
เราสามารถเลือกให้คลิปโฆษณาของเราแสดงผลบนแพลทฟอร์มอื่น ๆ ในเครือ TikTok เช่น BuzzVideo, Pangle และอื่น ๆ ได้ อีกทั้งยังสามารถระบุแพลทฟอร์มที่ต้องการลงโฆษณาได้ตามต้องการ (หรือกด "Auto-placement" ให้ทางอัลกอริทึมของ TikTok ประมวลผลความเหมาะสมของการลงโฆษณาก็ได้เช่นกัน)
ภาพจาก : https://ads.tiktok.com/help/article?aid=6725594834129649670
5. ตีกรอบกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับในข้อนี้หากใครเคยใช้งาน Facebook Ads แล้วก็น่าจะสามารถตั้งค่าได้อย่างคล่องมือ เพราะระบบการกำหนดกลุ่มเป้าหมายการโฆษณาบน TikTok ก็มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับของทาง Facebook ที่เราจะสามารถกำหนดการแสดงผลโฆษณาให้กับผู้ใช้ตามเพศ, ช่วงอายุ, ที่อยู่, อุปกรณ์ที่ใช้งาน, ความสนใจของผู้ใช้ ฯลฯ
ภาพจาก : https://www.searchenginejournal.com/tiktok-ads-beginners-guide/444604/
6. เลือกประเภทการโฆษณาให้เหมาะสม
In-feed Ads
โฆษณาแบบแสดงผลในหน้า Feed โฆษณาประเภทนี้จะดูคล้ายคลึงกับสิ่งที่ผู้ใช้งานสนใจ ไม่ดูเป็นการโฆษณาที่ฉีกแนวจากความสนใจของผู้ใช้จนเกินไป และสามารถที่จะกดไลค์, แชร์ หรือคอมเมนท์บนคลิปโฆษณาได้ จึงทำให้บางครั้งผู้ใช้อาจเข้าใจว่าเคยกดติดตาม (Follow) TikTok ของทางแบรนด์อยู่ก่อนแล้วก็เป็นได้
Brand Takeover Ads
โฆษณาแบบเต็มจอที่จะมีการแสดงผลเมื่อผู้ใช้กดเข้าใช้งานแอปพลิเคชันหรือกดเปลี่ยนหน้าเมนูภายในแอปพลิเคชัน ส่วนมากมักเป็นวิดีโอสั้น ๆ ราว 3 - 5 วินาที โฆษณารูปแบบนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถ "จดจำ" แบรนด์และโฆษณาของเราได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเรทโฆษณาแบบ Brand Takeover บน TikTok อยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 ล้านบาท)
TopView Ads
โฆษณาประเภทนี้จะคล้ายคลึงกับ Brand Takeover คือจะมีโฆษณาเด้งขึ้นมาบังหน้าจอของผู้ใช้ (อาจขึ้นเป็นกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ กลางหน้าจอ หรือแสดงผลแบบเต็มจอก็ได้) โดยจะมีความยาวโฆษณาสูงสุดจำกัดที่ 60 วินาที
Hashtag Challenge
สร้าง Hashtag แบรนด์ขึ้นมาเพื่อโปรโมทแบรนด์ อาจเป็นการคิด Challenge สุ่มแจกของรางวัลจากการติด Hashtag หรือการสร้าง Challenge สนุก ๆ ให้ผู้คนหันมาสนใจแบรนด์ของเราก็ได้ (ส่วนมากมักทำควบคู่กับการโฆษณารูปแบบอื่น ๆ ด้วย)
Branded Effects
สร้างเอฟเฟกต์ หรือลูกเล่น Augmented Reality (AR) บน TikTok เพื่อโปรโมทแบรนด์สินค้า โดยอาจเลือกทำเป็นสติกเกอร์ หรือฟิลเตอร์รูปแบบต่าง ๆ ให้ผู้ใช้ TikTok ดาวน์โหลดมาเล่นกันได้เพื่อดึงยอด Engage (จากการดาวน์โหลดเอฟเฟกต์)
Spark Ads
เปลี่ยนโพสต์เก่าให้เป็นโพสต์การโฆษณา เช่น เลือกคลิปที่มียอดการเข้าชมสูงมากดโปรโมทเป็นโฆษณา หรือเลือกคลิปของ อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ที่ต้องการจ้างงานมาโปรโมทก็ได้เช่นกัน
Search Ads
เป็นโฆษณาที่จะปรากฏขึ้นในหน้าการค้นหาเมื่อมีผู้ใช้ทำการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับโฆษณานั้น ๆ
ภาพจาก : https://www.tiktok.com/business/en-US/blog/always-on-how-to-develop-your-brands-tiktok-strategy
7. อัปโหลดคลิปโฆษณาแล้วรอติดตามผล
4 เคล็ดลับการสร้างโฆษณาบน TikTok ให้น่าสนใจ
(4 Tips for creating an attractive Ads on TikTok)
1. Real
เน้นการทำโฆษณาที่ดูจริงใจและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้จริง ไม่ควรทำโฆษณาที่ดูดีจนเกินจริงและดูเกินเอื้อมสำหรับผู้บริโภค อาจเลือกร่วมงานกับ Influencer ชื่อดังบน TikTok ที่มีภาพลักษณ์เข้าถึงง่าย
2. Creative
ผู้ใช้งาน TikTok ส่วนใหญ่แล้วชอบคลิปที่มีความสร้างสรรค์และมีเนื้อเรื่องที่น่าจดจำ (การเขียนสตอรี่บอร์ดเล่าโฆษณาแบบมีเนื้อเรื่องจะได้รับความสนใจมากกว่าโฆษณาตัวผลิตภัณฑ์โดยตรง)
ภาพจาก : https://www.tiktok.com/business/en/blog/always-on-how-to-get-creative-on-tiktok
3. Entertaining
เติมความสนุกสนานให้กับโฆษณาของเรา โดยอาจสอดแทรกความตลกเข้ามาเพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้เกิดการจดจำแบรนด์และสินค้าของเรามากขึ้นได้
4. Curious
ทดลองทำโฆษณารูปแบบใหม่ ๆ หรือมุมมองใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ยึดติดกับการทำโฆษณาเพียงรูปแบบเดียว และสร้างจุดสงสัยให้ผู้รับชมโฆษณาเกิดความข้องใจและอยากดูโฆษณาแบบต่อเนื่อง