Reels คืออะไร ? พร้อมเคล็ดลับการเพิ่ม Engagement ด้วยฟีเจอร์ Reels บน Facebook และ Instagram
Reels คืออะไร ? พร้อมเคล็ดลับการเพิ่ม Engagement
ด้วยฟีเจอร์ Reels บน Facebook และ Instagram
กระแสความนิยมของ "วิดีโอสั้น (Short Video)" ทำให้บริษัทชั้นนำหลาย ๆ เจ้าหันมาสนใจและพัฒนาฟีเจอร์นี้เป็นของตัวเอง ซึ่งหลังจากที่ทางฝั่ง Meta ได้ปล่อย ฟีเจอร์ Reels ออกมาให้ใช้งานกันทั้งบนแพลตฟอร์ม Instagram และ Facebook ก็ถือว่าค่อนข้างที่จะ "ประสบความสำเร็จ" ไม่น้อยเลย
- 5 เทรนด์การตลาดออนไลน์ 2024 (5 Marketing Trends 2024)
- Reels กับ Stories คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร ? มีตารางเปรียบเทียบ
- Comment Marketing คืออะไร ? รู้จักการตลาดแบบปลิง และสิ่งที่ควร-ไม่ควรทำ
- Elon Musk กับ Mark Zuckerburg อยากต่อยกันทำไม ? ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า ?
- Threads คืออะไร ? แพลตฟอร์ม Threads โดย Meta เหมือน Twitter หรือไม่ ?
เพราะจากข้อมูลที่ทาง Meta (บริษัทผู้เป็นเจ้าของ และพัฒนาทั้ง Facebook และ Instagram) ได้เปิดเผยออกมา ก็ระบุว่าผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลา "เกือบครึ่ง" ในการเล่น Facebook และ Instagam ไปกับการรับชมวิดีโอบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ อีกทั้งผู้ใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ยังมีการรับชมและสร้างคลิป "Reels" สูงกว่าทวีปอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นแล้วจึงไม่แปลกเลยที่ อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ชื่อดังและแบรนด์สินค้าต่าง ๆ จะหันมาโปรโมตและทำคอนเทนต์ Reels กันมากขึ้นตามความนิยมของผู้ใช้ อีกทั้งทาง Meta ยังได้ออกมาประกาศว่าทางบริษัทกำลังเตรียมพร้อมจะเพิ่มการ "โฆษณา" เข้ามาบน Reels ให้เหล่าบรรดา Influencer สามารถสร้างรายได้ผ่านช่องทางนี้กันได้แล้ว
โดยสำหรับใครที่ต้องการทดเล่นสร้างคอนเทนต์ ผ่าน ฟีเจอร์ Reels หรือผู้ที่อยู่ในขั้น "เริ่มต้น" และยังจับจุดไม่ถูกว่าควรจะสร้างคลิป Reels อย่างไรให้โดนใจผู้พบเห็นก็สามารถลองทำตามเคล็ดลับด้านล่างนี้เพื่อเพิ่มยอด Engagement กันได้เลย ...
1. เพิ่มข้อความบน Reels ด้วยฟีเจอร์ Timed Text
ใช้ ฟีเจอร์ Timed Text เพื่อเพิ่มข้อความอธิบายประกอบคลิปให้ปรากฎขึ้นตาม "เวลา" ที่ต้องการ ไม่ต้องแช่ข้อความ (Text) ทิ้งไว้ตั้งแต่เริ่มคลิป หรือจะสร้าง Reels ด้วยการแทรกคลิปหลาย ๆ คลิปมาตัดต่อและใส่ข้อความประกอบภายในคลิปได้ โดยหลังจากเพิ่มข้อความบน Reels แล้วก็สามารถแตะเลือกเพื่อกำหนดเวลาขึ้น Text บน Reels ของเราได้เลย (อย่าลืมกด Preview ดูก่อนนะ)
รับชมคลิปเต็มได้ที่ https://www.instagram.com/p/CDuXK73B7HH/
2. เลือกใช้ลูกเล่น (Effect) บน Reels ให้เหมาะสม
ภายในฟีเจอร์ Reels นั้นจะมีลูกเล่น (Effect) ภายในให้เลือกใช้งานกันอย่างหลากหลาย แต่ Effect พื้นฐาน หรือเบสิก ที่จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับ Reels ของเราก็ได้แก่ "AR Effect" หรือ Effect เสมือนที่ช่วยสร้างสีสันและ "Green Screen (ฉากเขียว)" ที่ทำให้การเปลี่ยนพื้นหลังประกอบ Reels เป็นเรื่องง่ายดายโดยไม่ต้องเหนื่อยเดินทางและไม่ต้องแบกฉาก Green Screen ให้เมื่อยเลย
ภาพจาก : https://www.gloam.io/post/how-brands-can-run-brilliant-instagram-filter-campaigns-in-2022 และ shorturl.at/ipuH0
3. เปลี่ยนชุด หรือเปลี่ยนฉากต่อเนื่อง ด้วยฟีเจอร์ Align Tool
Align Tool เป็นอีกหนึ่ง ฟีเจอร์ที่ครีเอเตอร์หลาย ๆ คนน่าจะใช้งานบ่อยในช่วงนี้ เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเติม "Transition" ให้ Reels เช่น Transition การเปลี่ยนชุดที่นางแบบใส่หรือเปลี่ยนฉากพื้นหลังแบบต่อเนื่อง โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การมาร์คเวลาในการถ่ายคลิปในมุมเดิมสะดวกขึ้นนั่นเอง (ใช้ร่วมกับ Timer ตั้งเวลาการอัด Reels)
รับชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.instagram.com/p/CDj0sF3hnbY/
4. นำคลิปดังมาสร้างสรรค์ใหม่ ด้วยฟีเจอร์ Remix Reels
นำเอา Reels ดัง ๆ มาสร้างสรรค์ใหม่ในแบบฉบับของเราเองด้วย ฟีเจอร์ Remix Reels โดยอาจเป็นการ Reaction หรือ การทำ Reels ชนิด "ล้อเลียน" ที่แบ่งหน้าจอออกเป็นสองฝั่ง (ซ้าย - ขวา) ให้ผู้รับชมได้เห็นความแตกต่างระว่าง Reels ของเราและ Reels ที่นำเอามา Remix แบบนี้ก็เป็นสีสันได้ไม่น้อยเหมือนกัน
รับชมคลิปเต็มได้ที่ : https://www.instagram.com/p/CNFzLUPh8PW/
5. เติมลูกเล่นให้เสียง (Audio) บน Reels
ค้นหาเพลงประกอบ หรือลูกเล่นเสียง (Sound Effect) มาใส่ประกอบ Reels หรือจะพากย์เสียงเองด้วย Voice Over (ถ้าไม่อยากพากย์เสียงเองก็มีฟีเจอร์ Text-to-Speech ด้วยการใช้เสียงสังเคราะห์ ให้กดใช้งานด้วยนะ)
และนอกจากนี้แล้ว เรายังสามารถปรับแต่งเสียงผ่าน Mix Audio เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับ Reels ของเรา ให้มากขึ้นอีกด้วย
ภาพจาก : https://www.instagram.com/p/CWHL67OPk_H/?utm_source=ig_embed&ig_rid=64e254f2-6817-41c8-abd6-f0abcd8ec1f2
6. โพสต์ Reels ลงทั้งบนแพลตฟอร์ม Instagram และ Facebook
เพิ่มยอด Engagement ให้กับ Reels ได้ด้วยการเลือกที่ "Recommend on Facebook" เพื่อให้ Instagram Reels ของเรามีการแสดงผลบน Facebook ควบคู่กันไป โดยระบบจะนับ "ยอดวิว" ร่วมกัน ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นและดันยอดวิว Reels ของเราเพิ่มขึ้นได้
ภาพจาก : https://i.ytimg.com/vi/tmZ4VcbHLdU/maxresdefault.jpg
7. ติดแท็ก Partnership
สำหรับ Influencer คนไหนที่รับงาน "โปรโมท" ประชาสัมพันธ์ให้กับสินค้า หรือบริการของแบรนด์ต่าง ๆ ก็แนะนำให้ติดแท็กเป็น Partner ของแบรนด์นั้น ๆ ด้วย เพราะนอกจากจะช่วยให้ ผู้ติดตาม (Follower) ไปตามรอยกันได้ง่ายแล้ว ยังมีลุ้นได้ดีล หรือส่วนลดพิเศษ จากทางแบรนด์ได้อีกด้วย
ซึ่งการติดแท็ก Partner นั้น สามารถทำได้ด้วยการกดเข้าไปที่ "เมนู Account Settings" → "ตัวเลือก Creator (หรือ Business)" → "ตัวเลือก Branded Content" และก่อนทำการลงคลิป Reels ก็แตะที่ "เมนู Advanced Settings" แล้วเปิด "ตัวเลือก Add Paid Partnership Label" จากนั้นกดที่ "ตัวเลือก Brand Partner" แล้วติดแท็กแบรนด์ได้เลย แถมยังสามารถทำการ "ตั้งค่าการมองเห็น" จากช่วงอายุ, เพศ และตำแหน่งพื้นที่ (Location) เพื่อเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นอีกด้วย
ภาพจาก : https://www.instagram.com/p/CRzoUzoIRQQ/ และ
นอกจากนี้ Meta ยังเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าผู้ใช้งาน Facebook และ Instagram ใน "ประเทศไทย" นั้นชื่นชอบการรับชม Reels ประเภทคลิปท่องเที่ยว, คลิปเต้น, เบื้องหลังการถ่ายทำ, มีมตลก ๆ (Meme) และแมวมากเป็นพิเศษ ดังนั้นหากจะเริ่มทำ Reels อาจลองหยิบจับเอาคลิปแนว ๆ นี้เป็นคลิปเริ่มต้นก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย