10 เนื้อหา ที่ไม่ควรโพสต์ลง Social Media ด้วยประการทั้งปวง
10 ข้อมูลที่ไม่ควรโพสต์ลงโซเชียล
(10 Things You Should Never Post on Social Media)
โลกของของ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "โซเชียล") ถือเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อมต่อทุกคนเข้าหากันได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว แถมข้อมูลข่าวสารยังสามารถกระจายไปทั่วทุกมุมโลกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนนิยมติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลกันมากกว่าช่องทางอื่น ๆ ที่นิยมใช้กันในอดีต เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และเลือกที่จะแบ่งปันข้อมูลข่าวสารด้วยการโพสต์ลงโซเชียลของตนเอง เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
- Cyberbullying คืออะไร ? รู้ได้ไงว่ากำลังโดนกลั่นแกล้งอยู่ ? พร้อมวิธีรับมือ
- อาชีพ Influencer ดีจริงหรือไม่ ? ดู 7 ปัจจัยหลักที่ควรคำนึงก่อนเป็น
- Reels กับ Stories คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร ? มีตารางเปรียบเทียบ
- Comment Marketing คืออะไร ? รู้จักการตลาดแบบปลิง และสิ่งที่ควร-ไม่ควรทำ
- 7 ผลเสียต่อสุขภาพจิต จากการใช้งาน Social Media เป็นประจำ
แต่ด้วยความที่มันเข้าถึงได้ง่ายนี้เอง ทำให้ โซเชียลฯ กลายเป็นดาบสองคม ที่มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์ในคราวเดียวกัน ดังนั้น เราจึงอยากบอกคุณถึง 10 ข้อมูลที่ไม่ควรโพสต์ลงโซเชียล เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในชีวิตจริงของคุณเอง เพราะการโพสต์สิ่งที่ไม่ควรโพสต์ลงโซเชียล เพราะนอกจากจะแก้ไขกู้คืนกลับมาได้ยากแล้ว ยังอาจส่งผลลัพธ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้ตลอดกาลเลยด้วย
1. ภาพหน้าจอของการสนทนาส่วนตัว (Private Conversation Screenshot)
ภาพหน้าจอของการสนทนาส่วนตัว ชื่อหัวข้อก็บอกอยู่แล้วว่า ส่วนตัว ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรแชร์ลงโซเชียลมีเดียที่คนอื่นสามารถเข้าถึงและมองเห็นได้ เพราะถึงคุณจะโพสต์เพื่อเรียกความสนใจ เรียกยอดไลก์จากคนอื่น ๆ ได้ดีในโพสต์นั้น แต่ไม่นาน ความสนใจนั้นก็จะหายไปอยู่ดี ที่แน่ ๆ เนื้อหาในบทสนทนาส่วนตัวนั้น จะกลายเป็นส่วนรวมทันที ไม่ใช่ส่วนตัวอีกต่อไป แถมถ้าข้อมูลไหนที่ละเอียดอ่อนมาก ๆ อาจกลายเป็นปัญหาในชีวิตในภายหลังด้วย ดังนั้น หลีกเลี่ยงการโพสต์ไว้ก่อนจะปลอดภัยกว่า
เครดิตภาพ : https://www.freepik.com/free-photos-vectors/chat
2. การแท็กสถานที่ว่าอยู่ที่ไหน (Check-in Location)
การแท็กสถานที่ว่าอยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าจะดีต่อใจในเวลาที่เราได้มานั่งย้อนดูรำลึกความหลัง ทำให้เราจำได้ว่าเคยไปที่ไหนในเวลาใดมาบ้าง แต่การที่คุณไม่ได้โพสต์แบบส่วนตัวไว้ดูคนเดียว แต่แบ่งปันให้คนอื่นได้รับรู้ด้วยนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่ เพราะเราไม่รู้ว่าบนโลกโซเชียลที่เราโพสต์ไป มีใครไม่หวังดีกับเราแฝงอยู่ในเงามืดบ้าง การที่เราแท็กสถานที่ว่าไม่ได้อยู่ที่บ้าน อาจทำให้โจรที่รอเวลาเหมาะ ๆ อยู่ บุกบ้านเราได้ทันที หรืออาจทำให้พวกโรคจิตที่ชอบแอบติดตามชีวิตเรา (Stalker) ตามหาเราเจอได้จากที่อยู่ที่ติดแท็กไว้
เครดิตภาพ : https://www.socialmediaexaminer.com/instagram-location-stories-and-hashtag-stories-what-marketers-need-to-know/
3. กำหนดการของทริปถัดไป (Your Trip Plans)
ถึงแม้คุณจะอยากบอกให้โลกรู้แค่ไหนว่าฉันกำลังจะได้ไปเที่ยว แต่การแชร์กำหนดการของทริปถัดไปลงในโซเชียล อาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ จริงอยู่ การที่คุณบอกว่าจะไปโน่นไปนี่แบบกว้าง ๆ เช่น ไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศ ไม่ทำให้คุณโดนตามตัวเจอได้ แต่นั่นหมายความว่า คุณกำลังบอกเหล่าโจรที่กำลังรอโอกาสขึ้นบ้านเป็นนัย ๆ อยู่ว่า "เฮ้ ฉันกำลังจะไม่อยู่บ้านนะ" ด้วย ดังนั้น ถ้าคุณจำเป็นที่จะต้องแชร์กำหนดการกับเพื่อนร่วมเดินทางผ่านโซเชียลจริง ๆ ล่ะก็ ส่งเป็นการส่วนตัวผ่านทางข้อความหรือทางโทรศัพท์ ดูจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยกว่า
เครดิตภาพ : https://travelwithlolly.com/how-to-plan-a-great-trip/
4. รูปถ่ายบัตรเครดิตของคุณ (Your Credit Card Picture)
คาดว่าหลายคนน่าจะพอรู้อยู่แล้วว่า การลงรูปถ่ายบัตรเครดิต บนโซเชียลนั้น ไม่สมควรโพสต์ลงในโลกโซเชียลไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม เพราะข้อมูลที่อยู่บนหน้าบัตรเครดิต ถือเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญส่วนตัวของคุณด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าคุณจะเห่อบัตรเครดิตใบใหม่แค่ไหน ก็พึงรู้ไว้ด้วยว่า แค่มีเลขบัตรเครดิตและวันหมดอายุบนหน้าบัตรที่ปรากฎบนรูป ก็เพียงพอแล้วสำหรับการให้คนอื่นนำไปช้อปปิ้งได้อย่างสบายใจเฉิบด้วยวงเงินของตัวคุณเอง
เครดิตภาพ : https://www.cardrates.com/advice/best-credit-cards-accepted-everywhere/
5. ข้อมูลทางการเงิน (Financial Information)
ข้อมูลทางการเงิน เป็นสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผยไม่ว่าคุณจะยากดีมีจนแค่ไหนก็ตาม ถึงแม้ว่าตัวเลขการเงิน ยอดเงินคงเหลือในบัญชี จะไม่ได้ดูเป็นสิ่งที่ระบุตัวตนอะไรมากมาย แต่บางครั้ง การมีเลขบัญชีติดมา หรือการพูดถึงทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ ก็สามารถทำให้เหล่าแฮคเกอร์สามารถปลอมตัวเป็นคุณ แล้วเข้าถึงบัญชีและทรัพย์สินที่คุณโพสต์ลงโซเชียลได้ และยังไม่นับว่าจะมีเพื่อนร่วมโซเชียลเห็นคุณฐานะดีแล้วจะแสดงตัวเข้ามาขอหยิบยืมเงิน (ที่มีโอกาสได้คืนต่ำ) ด้วยอีกต่างหาก ดังนั้น เก็บข้อมูลทางการเงินไว้เป็นเรื่องส่วนตัวจะดีที่สุด
เครดิตภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/debt-money-business-account-bank_1044664.htm
6. ข้อมูลส่วนตัวของคุณ (Your Personal Information)
ข้อมูลส่วนตัวของคุณ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ส่วนตัว ดังนั้น ถ้าคุณโพสต์ลงในโซเชียลเมื่อไหร่ มันก็จะไม่ใช่สิ่งที่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป ถึงแม้ว่าคุณจะไปเจอโพสต์ใดโพสต์หนึ่งบนโลกโซเชียล ที่บอกให้คุณทิ้งชื่อ ที่อยู่ พร้อมเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ เพื่อชิงโชครางวัลใหญ่ แม้โพสต์นั้นจะมาจากหน่วยงานหรือบริษัทที่น่าเชื่อถือแค่ไหน แต่รางวัลใหญ่ที่คุณจะได้ อาจเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่คุณคาดไม่ถึง เพราะบรรดามิจฉาชีพสามารถฉกฉวยข้อมูลของคุณไปใช้ พร้อมสวมรอยเป็นคุณได้ทันทีอย่างแนบเนียน แถมยังอาจจะเจอคนโรคจิตประกบชีวิตของคุณให้ด้วยอีกต่อ
เครดิตภาพ : https://medium.com/tokyo-fintech/japans-act-on-protection-of-personal-information-comes-into-effect-on-may-30-dd7c7d476ec4
สำหรับใครที่ระบุข้อมูลส่วนตัวดังกล่าวไว้ในหน้าโปรไฟล์ เราขอแนะนำให้คุณตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไว้ที่ Only Me จะปลอดภัยที่สุด แต่ถ้าบัญชีโซเชียลของคุณ บังคับให้ต้องแสดงไว้จริง ๆ ล่ะก็ ลงรายละเอียดให้กว้าง ๆ ไว้ เช่น กทม. ประเทศไทย ลงเบอร์โทรศัพท์ปลอม อะไรแบบนี้จะปลอดภัยกว่า ถ้าคุณยังไม่อยากให้คนที่คุณไม่คาดคิด ตามมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน
7. ข่าวสารต่าง ๆ ของเพื่อนคุณ (Your Friends' Stuff)
ในส่วนของข่าวสารต่าง ๆ ของเพื่อนคุณ ในที่นี้หมายถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เพื่อนโพสต์หรือบอกกล่าว ไม่ว่าจะทั้งแบบส่วนตัวหรือในโซเชียล ถึงแม้ว่าจะเป็นข่าวดีที่น่าตื่นเต้น เช่น กำลังจะแต่งงาน มีลูก ขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ หากเพื่อนของคุณไม่ได้ไหว้วานให้คุณช่วยแชร์หรือกระจายข่าวต่อแล้วล่ะก็ คุณไม่ควรแชร์ข่าวลงโซเชียลโดยพลการ เพราะถ้าเพื่อนของคุณอยากแบ่งปันเรื่องของเขาให้คนอื่นรู้แล้วล่ะก็ ให้เขาเลือก (บุคคล) ที่จะแชร์เองดีกว่านะ
เครดิตภาพ : https://www.etsy.com/au/listing/638487155/printable-we-got-married-elopement
8. ความเห็นในแง่ลบ เกี่ยวกับที่ทำงาน หรือสถานศึกษา (Negative Comment of your Workplace or School)
ความเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับที่ทำงานหรือสถานศึกษา เป็นสิ่งที่ใครหลายคนอาจไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะอยู่ในประเด็นที่ไม่ควรโพสต์ด้วย ไม่ว่าโลกโซเชียลของคุณจะดูปลอดภัยแค่ไหน มีคนรู้จักหรือคนสนิทน้อยเท่าไหร่ก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า โลกกลม คือคำที่ใช้ได้เสมอ แม้คุณจะไม่มีเพื่อนในโซเชียลเป็นเจ้านาย, หัวหน้า, ครูอาจารย์, หรือใครก็ตามที่เข้าข่าย แต่การโพสต์ความเห็นในแง่ลบลงโซเชียลนั้น เป็นการเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจคุณออกมา และทำให้เพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกับคุณ สบโอกาสในการแคปเจอร์ (Capture) หน้าจอ แล้วเอาไปฟ้องคนที่คุณเอ่ยถึงได้ง่าย ๆ และอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นถูกไล่ออกเอาได้
เครดิตภาพ : https://www.freepik.com/free-photo/business-lady-insists-changing-contact-text_4013226.htm
9. ความเห็นในแง่ลบ เกี่ยวกับการเมือง (Political Comments)
เมื่อพูดถึงความเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับการเมืองนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราห้ามคุณไม่ให้โพสต์ในเรื่องนี้ หากแต่คุณจะต้องมั่นใจเสียก่อนว่า ข้อมูลหรือความเห็นที่คุณโพสต์ลงไปในโซเชียลนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง มีหลักฐาน ไม่ได้เป็นข่าวเลื่อนลอยที่ถูกกุขึ้นมาโดยไม่ทราบแหล่งที่มาของข่าวที่ชัดเจน เพราะการที่คุณโพสต์อะไรบางอย่างลงโซเชียล โพสต์นั้นจะเป็นตัวตนของคุณเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม
เครดิตภาพ : https://charlotte.axios.com/235141/6-tips-from-charlotte-therapists-for-dealing-with-your-crazy-uncles-political-rants/
ดังนั้น ถ้าคุณโพสต์ความเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับการเมือง แล้วปรากฎว่าความเห็นนั้น ๆ มาจากข่าวที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงแล้วล่ะก็ คุณจะมีสิทธิ์โดนทัวร์ลงเอาได้ง่าย ๆ พ่วงด้วยการผิด พรบ. คอมพิวเตอร์ เรื่องการนำเข้าข้อมูลเท็จ แต่ถ้ามั่นใจว่าถูกต้องแล้วล่ะก็ การโพสต์ความเห็นทางการเมือง ก็เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของคุณเองตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีใครห้ามได้แน่นอน
10. ข่าวลือ และข่าวปลอมทั้งหลาย ที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น (False or Untrue Statements about Someone)
การโพสต์ข่าวลือและข่าวปลอมทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นบนหน้าโซเชียลของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่คุณตัดสินใจยืมมือของสิ่งที่เรียกว่า โซเชียลมีเดีย มาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นใครสักคนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งความแค้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันถูกเผยแพร่ลงในโลกโซเชียลไปแล้ว มันจะลุกลามเร็วกว่าที่คุณคาดคิดไว้มาก แถมยังไม่สามารถคาดเดาและควบคุมผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้ด้วยว่า มันจะอยู่ในขั้นเบา ๆ แค่เป็นที่ขบขันของชาวเน็ต หรือลุกลามใหญ่โตจนทำให้คนคนหนึ่งตัดสินใจฆ่าตัวตาย
เครดิตภาพ : https://www.freepik.com/free-vector/false-information-broadcasting-press-newspaper-journalists-editors-fake-news-junk-news-content-disinformation-media-concept_10783837.htm
ในปัจจุบัน การฆ่าตัวตาย เป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากขึ้นทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่เรากลับพบเห็นเรื่องนี้จนมันแทบจะกลายเป็นสิ่งที่หาเจอได้จากข่าวในทุก ๆ วัน หนึ่งในสาเหตุที่มักถูกระบุลงในข่าว คือการถูกกดดันและถูกบุลลี่ (Bullying) จากโลกโซเชียล จนทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้นตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าหากข่าวที่คุณปล่อยออกไปทำร้ายผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงแล้วล่ะก็ วันใดวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้าที่มีคนรู้ความจริงขึ้นมา คุณจะได้เผชิญกับความเลวร้ายที่สุดในชีวิตจากการถูกคนรอบข้างปรามาส ไม่แพ้คนที่คุณอยากแก้แค้นในวันนั้นเลยล่ะ