ภาษี E-Service คืออะไร ? อนาคตคนไทยต้องเสียภาษีเพิ่มหรือไม่ ?

ภาษี E-Service คืออะไร?

สำหรับคำว่า "ภาษี E-Service" อาจจะเป็นคำศัพท์ใหม่สำหรับบางคน แต่บางคนก็อาจจะทราบกันแล้วว่าการมาถึงของภาษีประเภทนี้จะทำให้เกิดอะไรขึ้นในอนาคต มาทำความรู้จักกับภาษี E-Service กันเถอะ เพราะในอนาคต ภาษีประเภทนี้จะมีผลกระทบต่อรายจ่ายของทุก ๆ คนแน่นอน แต่ผละกระทบจะมากน้อยแค่ไหนนั้น อ่านต่อได้ที่ข้างล่างนี้เลย

ทำความรู้จักภาษี E-Service

ภาษี E-Service หรือ พระราชบัญญัติผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ในต่างประเทศให้แก่ผู้รับบริการภายในประเทศ เป็นพระราชบัญญัติที่ทางคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 (ค.ศ.2021) ที่ผ่านมา แต่จะมีผลบังคับใช้เพื่อเก็บภาษีรายได้ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 (ค.ศ.2021) โดยภาษีชนิดนี้จัดอยู่ในหมวดเดียวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม เริ่มเก็บภาษีจากบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย และมีรายได้ 1.8 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี ซึ่งบริษัทที่อาจจะถูกเก็บภาษีเป็นรายแรก ๆ ก็คือบริษัทไอทีชื่อคุ้นหูทุก ๆ คน อย่าง Netflix, Facebook, LINE นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/A/011/T_0001.PDF

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรได้กล่าวไว้ในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) ว่า "การปรับปรุงกฎหมายในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการในไทยกับผู้ประกอบการในต่างประเทศที่ให้บริการในประเทศไทย ทำให้การจัดเก็บภาษีมีความเหมาะสม สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และยังเป็นการปรับปรุงกฎหมายภาษีไทยให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับแนวทางการจัดเก็บภาษีของนานาประเทศ"

webinter.rd.go.th/saraburi/1.0.html

www.rd.go.th/publish/fileadmin/user_upload/news/news35_2563.pdf

ภาษี E-Service เก็บมาจากอะไร?

หลังจากที่ Netflix, Facebook, LINE อาจถูกหมายหัวเป็นบริษัทรายแรก ๆ ที่จะถูกเก็บภาษี E-Service หลายคนน่าจะสงสัยว่าแล้วจะเก็บภาษีจากรายได้ส่วนไหน ซึ่งตัวอย่างการจัดเก็บภาษี ก็มาจากแพ็กเกจที่ผู้ให้บริการเหล่านี้เสนอขายเรา ๆ นั่นเอง เช่น แพ็กเกจรายเดือน Netflix, การซื้อโฆษณาผ่าน Facebook, การซื้อและดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เพลง เกมผ่าน App Store ของ iOS และ Google Play Store ของ Android ฯลฯ

ตัวอย่างแพ็กเกจรายเดือน Netflix
www.netflix.com/changeplan

ตัวอย่างการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Google Play Store
www.androidbeat.com/2019/08/google-announces-material-theme-play-store

ภาษี E-Service ส่งผลอย่างไร กับใครบ้าง?

เมื่อมีมาตรการการจัดเก็บภาษี E-Service ออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมมีผลกระทบกับทั้งผู้ให้บริการ หรือ บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ต่างประเทศที่เข้าข่าย และผู้รับบริการ นั่นก็คือพวกเราทุกคนที่กำลังไถ Facebook ดูหนังบน Netflix นั่นเอง ซึ่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่ายก็มีความแตกต่างกันไป

ผลกระทบจากภาษี E-Service ต่อผู้ให้บริการ

สิ่งแรกที่จะตามมาเลยก็คือ ต้นทุนการให้บริการต่าง ๆ สูงขึ้น จากเดิมที่บริษัท กิจการได้รายได้และกำไรแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็จะต้องแบ่งเพื่อไปจ่ายภาษีส่วนหนึ่ง ถ้าผู้ให้บริการนั้น ๆ เห็นว่าภาษี E-Service มากเกินกว่าที่จะแบ่งรายได้มาจ่าย จึงทำให้เกิดการขึ้นราคาบริการเพื่อเพิ่มรายได้นำไปจ่ายส่วนของภาษีนั่นเอง และถ้าในอนาคตมีการประกาศอัตราภาษี E-Service ออกมา อาจทำให้บางธุรกิจลังเลหรือชะลอการเข้ามาลงทุน ดำเนินธุรกิจในไทยก็เป็นได้ แต่ถ้าอัตราภาษียังอยู่ในระดับที่เหมาะสม ก็จะช่วยกระตุ้นการเกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ว่าก็ต้องดูอนาคตกันต่อไปอีกที

ผลกระทบจากภาษี E-Service ต่อผู้รับบริการ

ส่วนผลกระทบจากภาษี E-Service ที่มีต่อผู้รับบริการ ก็หนีไม่พ้นการเสียค่าบริการรายเดือน ค่าแพ็กเกจ ค่าใช้จ่ายการดาวน์โหลดที่แพงขึ้น ตามค่าของต้นทุนการให้บริการที่สูงขึ้น แต่การบริการที่ส่งผลกระทบค่อนข้างหนักหนาเอาการก็คือ วงการโฆษณาออนไลน์บน Social Media หรือพูดง่าย ๆ อย่างการ Boost Post Facebook, การซื้อพื้นที่โฆษณาส่วนต่าง ๆ จากเดิมที่ยอด Reach ยอด Engagement อาจได้มาจำนวนหนึ่ง หรือยอดที่น่าพอใจ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และแต่ละโพสต์จะได้ยอด Reach ยอด Engagement เท่าเดิม

ตัวอย่างประเทศและกรณีศึกษาการเก็บภาษี E-Service

หากใครคิดว่าภาษี E-Service นี้ ประเทศไทยเป็นผู้บุกเบิกหรือริเริ่มโครงการที่ไทยหรือเปล่า ขอบอกเลยว่ามีบางประเทศที่เริ่มต้นการจัดเก็บภาษีนี้แล้ว เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา รวมถึงสองประเทศล่าสุด ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียก็เริ่มมาตรการนี้เมื่อปี พ.ศ.2563 (ค.ศ.2020) ที่ผ่านมา แต่ใช่ว่าทุกประเทศจะเริ่มต้นมาตรการนี้อย่างสวยงาม เพราะบางประเทศก็มีอัตราภาษีที่สูงเกินไป บางประเทศก็ถูกคัดค้านมาตรการเก็บภาษีจากประชาชน ยกตัวอย่างกรณีของประเทศเม็กซิโกที่เก็บภาษี Digital Service ในอัตราที่สูงถึง 16% เลยทีเดียว ทำให้แพ็กเกจรายเดือน Netflix ของเม็กซิโกราคาพุ่งสูงขึ้น

www.theyucatantimes.com/2020/05/netflix-mexico-to-charge-up-to-16-more-following-tax-hike

แต่ถ้าถามว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้าง กับมาตรการจัดเก็บภาษี E-Service ที่กำลังจะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งสิ่งที่ทำได้มากที่สุดก็คือ การเตรียมตัว เตรียมใจเพื่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เพราะทั้งผู้รับบริการทั่วไป ผู้รับบริการอย่างธุรกิจ องค์กรรายย่อยที่ต้องใช้บริการอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงผู้ให้บริการต่างก็ต้องปรับตัวเพื่อรับมาตรการนี้ และใช้ชีวิตที่ต้องดูหนังบน Netflix ในราคาแพงขึ้น ฟังเพลงจาก Spotify ที่แพงขึ้นนั่นเอง